- วันนี้ไป company visit JWD แต่ลืมหยิบสมุดที่จดไว้ขึ้นมาบนบ้านตอนกลางคืน ลืมไว้ในรถ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยสรุปเก็บไว้อ่านอีกที
- ASAP
- สิ้นปี 2016 มี passenger car อยู่ที่ 7,080 คัน คาดว่าปีนี้น่าจะมีประมาณ 9,000 คัน
- 96% เป็น Toyota และเป็นข้อดี ทำให้ ASAP คำนวณค่าซากได้อย่างแม่นยำเพราะมีความชำนาญ
- ทางคุณคิม เคยเดินทางไปดูงานที่ US แล้วทาง Toyota พาไปเยี่ยมชมกิจการของ Toyota Longo ที่มียอดขายเป็นหลายหมื่นคัน เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว คุณคิมเลยมานั่งวิเคราะห์ดูว่าถ้าเราจะเป็นอย่างนั้นบ้างจะต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง การมี Fleet รถปล่อยเช่าให้กับองค์กร เป็นหนึ่งใน Key Success นั้น เค้ากลับมาเลยค่อยๆปรับ Business model เพื่อเดินเกมส์ไปสู่ทางนั้น
http://www.longotoyota.com/
http://www.autonews.com/article/20060213/SUB/60210065/longo-toyota:-the-biggest-just-keeps-getting-bigger
- Key success ของธุรกิจรถเช่าคือ เรื่องการหา Supply เพื่อที่จะส่งรถให้ได้ทันความต้องการและปริมาณของลูกค้า และการจัดหาแหล่งเงินทุน
- 5 ปีหลังจากนี้จะพยายาม diversify business model ให้หลากหลายมากขึ้นแต่งยังคง Core business เดิมอยู่ เช่น อาจจะมีการใช้ Pay per use ใช้เท่าไหร่จ่ายตามจริง. ASAP auto park ที่จะมีการขายรถมือสองคล้ายๆ Toyota sure เพื่อเพิ่ม Margin
- ปีก่อนๆกำไร 150 ล้านบาทแล้วมี drop ลงจากรถคันแรก
- อีก 5 ปีข้างหน้าจะมีรถครบเทอมที่ต้องใช้รถใหม่อีกประมาณ 2.5 เท่า
- เมื่อก่อนหลังจากที่ได้รถคืนจากลูกค้า รถเช่าระยะยาวแล้ว จะเอาไปประมูล โดยผุ้ประมูลจะเป็นพวกเต้นรถ ขายในราคา Whole sales เช่นขาย 100 บาท ทางเต้นจะเอาไปขายต่อที่ 130 บาท แต่ถ้าเค้ามี Asap auto park ของตัวเอง อาจจะขายได้ที่ 125 บาท หรือ 120 บาท คนมาซื้อต่อก็ได้ของถูก และ Asap ก็ได้ขายของแพงขึ้น กำไรดีขึ้น น่าจะได้กำไรประมาณ 20% X 4-5 พันคันที่จะทยอยคืนรถ
- ค่าใช้จ่ายด้านการ Maintenance เป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก โดยมีประมาณ 150 ล้าน โดย 50% เป็นเรื่องของแบตเตอรี่ และยางรถยนต์
- ดังนี้เค้าเลยอยากจะเปิดเป็นคล้ายๆ B quick แต่เป็น Brand ของ Asap เอง มองกำไรอยู่ที่ประมาณ 30%
- เคยมีเข้าไปประมูล SCB เค้าอยากได้รถยนต์ spec และสีเดียวกัน 300 คัน ภายใน 30 วัน ซึ่ง Asap เป็น Dealer อันดับ 2-3 ของ Toyota เลยทำให้พอมี Power หรือไปดึงรถมาจากธุรกิจอื่นที่ยังไม่เร่งส่งมอบ มาเพื่อให้สามารถ Win งานมาได้
- ปกติรถเช่าระยะยาว จะมีการคิดค่าซากที่ 40% และคำนวณค่าปล่อยเช่าจาก 60% เท่านั้น
- ถ้าเวลาหมดสัญญาแล้วเราสามารถดูแลรถได้เป็นอย่างดีระหว่างที่ลูกค้าอยู่กับเรา แล้วสามารถขายได้มากกว่า 40% ตรงนั้นก็จะเข้ามาที่บรรทัดสุดท้ายได้เลย
- ที่ US รถ Fleet สำหรับองค์กร มีประมาณ 80-90% ที่เป็นรถเช่า
- เมืองไทย 10 กว่าปีที่แล้วยังเป็นแค่ 10% มีทางคุณคิม เป็นผู้เข้าไปนำเสนอทาง DHL ให้ลองเปลี่ยนมาเป็นรถเช่า จนตอนนี้เมืองไทยมี ประมาณ 40-50% แล้ว
- มีการประยุกต์เอา Application มาใช้ในแง่ของ Sharing economy เช่น อาจจะเป็น App ที่เอารถมาให้บริษัทในตึกนี้ได้เห็นว่ารถปล่อยเช่ามีเวลาไหนว่างบ้าง บริษัทอาจจะไม่ต้องเช่าเป็นประจำทุกเดือน
- Asap มี D/E ประมาณ 8 เท่า หลังเข้าตลาดจะมีเหลือที่ 4 เท่า แต่ทาง FA มองกลับว่าเป็นจุดทำให้น่าสนใจตรงที่ ขนาดว่ามี 8 เท่า Bank ยังคงมั่นใจปล่อยให้กู้ต่อไปเรื่อยๆ จนเต็ม Cap เพราะมันใจว่า Asap สามารถเอาไปทำกำไรต่อได้เป็นอย่างดี
- ปี 58 มีประกาศว่าบริัษัทที่ลงทุนซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งรถยนต์ จะสามารถนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายทางด้านภาษีได้ 200% ในปี 59 และจะเหลือ 150% ในปี 60 และจะลดลงไปเรื่อยๆเป็นเวลา 5 ปี
- ปี 59 มีการปล่อยรถยนต์ให้เช่าจำนวน 4,000 คัน แบ่งเป็น 3,000 คันจากลูกค้าเดิมที่หมดสัญญาแล้วต่อสัญญาและอีก 1,000 คันมาจากลูกค้ารายใหม่
COL
- ดูเริ่มดูดีขึ้นราคาลงมาแล้วเริ่ม Fade
- ทั้ง Month, week และ day เริ่มยืนเป็น Uptrend
KOOL
- รับเข้าไป 6.35 เข้าสู่ Buy Zone หลุดปิดต่ำกว่า 5.95 ค่อยคัทละกัน
- Risk/Reward ratio 3:1
SQ
- ยังคงมองว่าเป็น Terminal Pattern หลังจากที่ Overlap ไปหลายรอบและยังทำ Higher high ไม่ได้สักที ดูเริ่มอ่อนแรง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น