Sun 19th Apr 2025 Dividend Stock: TPCH & HTC

 1. TPCH

- ราคาหุ้นยังมองไม่เห็น Bottom
- RSI week มีการทำ Oversold มาใน 3 ครั้งล่าสุด
- MACD month ใกล้จะตัดขึ้น
- ที่ไม่ชอบ คือ OBV น้อยลงเรื่อยๆ มีคนขายออกมาหนักๆ

- PBV PE ลงมาต่ำเรื่อยๆ แทบจะเป็น New Low
- ตัวเลข กำไร เงินสด ต่างๆค่อนข้างดี

- ราคาแถวๆนี้ ปันผล 14.38%
- ถ้าปันผลอย่างนี้ได้ตลอด จะคืนทุนภายใน 6.95 ปี
- Market cap ตอนนี้ 1,115 ล้าน
- PE 4.76 เท่า


2. HTC

- ต้ังเป้าจากปี 2024 จาก ยอดขาย 8 พันล้าน จะไป 13,000 ล้าน ในปี 2532

- สร้างกรอบสามเหลี่ยมขนาดใหญ่
- มีลงมาเทสกรอบล่างไม่นานมานี้
- และจะมีจ่ายปันผล 0.58 บาท เร็วๆนี้
- หุ้นอยู่ใน Zone บนๆ แข็งกว่าตลาดมากพอสมควร

- PB กลางๆที่ 1.58 เท่า
- PE 10.82 ก็กลางๆ
- Book Value เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ
- Free cash flow margin% อยู่แนวโน้มระยะยาวขาขึ้น ตอนนี้ย่อลงมา
- ROIC% ที่ 12.96%

- รายได้รวม โตขึ้นทุกปี และ Net profit ด้วยเช่นกัน
- GP ดีขึ้นพอสมควร

- ถ้าเราเอาเงิน 5 ล้านบาท ไปซื้อ HTC พอได้ปันผลแล้วเอากลับมา Re-invest เป็นเวลา 10 ปี
- จากเงิน 5 ล้านบาท จะกลายเป็น 15 ล้านบาท
- หลังจากนั้นจะมีปันผลฟรี ประมาณ 1 ล้านบาท/ปี ถ้ากิจการยังโตสม่ำเสมอแบบนี้

Fri 17th Jan 2025 Biggest % Loss in many years ***** The day to remember and learn

 Market
- หลังจากลุงโทนี่พูดในงาน SET Bull run แล้วอีกวันก็ไม่เกิด Positive impact อะไรกับตลาดได้เลย พลาดตลาดปิดตัวลบ อาจเป็นเรื่อง Big lot Delta กด Sentiment ลงมา
- อีกวัน Dow Jones ปิดบวกอีก 700 จุด วันถัดมาตลาดก็ไม่หือไม่อืออะไรใดๆเลย
- ช่วงนี้มีข่าวร้ายออกมารายวันเลย เหมือน ดร.นิเวศเคยพูดว่า แมลงสาบไม่เคยมาตัวเดียว ตอนนั้นเราก็ Bias ไปว่าตลาดลบหนักๆมา 2-3 ปีแล้ว มันน่าจะดีขึ้นได้บ้าง คิดเอาเองว่ามันไม่ใช่จุดคัท หรือ ถือเงินสดแล้ว หุ้นหลายๆตัวมี PE ที่ถูกลงมาเยอะแล้ว แต่อาจเป็นภาพลวงตาที่เราเคยเห็นว่าหุ้นเติบโตมันเคยมี PE 20-25 เท่าแล้วเราคุ้นชิน มาวันนี้หุ้นพวกนี้ลงมาเทรดแถวๆ PE14-15 เท่าพร้อม Growth แถวๆ15-20% กันหลายตัว
- อีกเหตุผลนึงน่าจะเป็นเพราะสภาพคล่องของตลาดที่หดหายลงไปเยอะ ส่วนนึงคือ คนที่ยังเล่นหุ้นไทยก็ติดหุ้นบนดอยกันพอสมควร เด็กรุ่นใหม่ก็เทรดหุ้นนอกและคริปโตกันเยอะ แถมข่าวร้าย ข่าวเจ้าของเล่นมาร์จิ้น โดน Force sell ก็ออกมารายวัน ตั้งแต่ Stark More EA RS และจ่อๆอีกเพียบ
- มองภาพ Technical บ้าง หุ้นนำตลาดที่เคยแข็งแกร่งกว่าตลาดก็ทยอยๆโดน Kill ลงมาเพียบ ทั้ง CCET, LTS, VGI, MONO, BTS ยังคงมีกลุ่มแบงค์ที่คอยๆดันตลาดให้ดูไม่เลวร้ายจนเกินไป แต่หุ้นเล็กกับกลางนี่โดนขายสาดออกมาเยอะมาก
- ตลาดเมกากลับมาสวย MACD เริ่มตัดใต้ 0
- ตลาดยุโรป CAC40 UK100 DAX เริ่มกลับมาดูสวย

SAV
- โคตรผันผวน ดันมั่นใจมากวันที่ขึ้นไปทำ New High ดันไม่ได้ Take profit เลย
- นี่ย่อลงมาจากจุดสูงสุดประมาณ 28% สบายตัว สบายใจเลยยย
- ในความแย่ๆยังพอเห็น Divergent ให้ได้ลุ้นเล็กๆตรงนี้

SAMART
- นับเวฟแบบง่อยๆตาม RSI overbought / oversold
- รอบนี้ถ้าผ่านไปได้จะเป็นเวฟ 3 ใหญ่ (ถ้าตูนับถูก และไม่ bias จนเกินไป 5555)
- พื้นฐานกำไรของปี 2025, 2026 น่าจะ surprise ได้พอสมควร และคนก็ยังไม่เคยเชื่อกลุ่มนี้มาเป็นสิบกว่าปี
- ถ้าเชื่อในกลุ่มเสื้อแดงที่เป็นของพันธมิตรกับกลุ่มนี้ ก็น่าจะเป็นรอบใหญ่ของมันได้

MBK
- ถ้าหลุดแนวรับในกรอบนี้ลงมาคงต้องออกไปก่อน

MASTER
- มีคนเชียร์ให้ซื้อตรงแถวๆ 46.75 แล้วทรงก็ดูไม่ดี แต่เราผิดเองที่มองข้าม Price action
- กลางคืนมีข่าวว่าจะมี Big lot ที่ 37.00 เปิดมาแล้วยังมีเวลาให้คิดว่าจะทำยังไง แต่ดันตัดสินใจว่าน่าจะชั่วคราวแถวๆ 35 ไม่ใช่จุดควรจะขาย
- สุดท้ายปิด 32.25 และอีกวันกดลงมาหลุด 25 ก่อนจะเด้งไปอีกหน่อย
- ทำใจขายไปครึ่งนึงแถวๆ 30
- เป็นตัวที่โดนเป็น % เยอะมากๆในรอบหลายๆปีมานี้เลย
- ใช้เวลาหลายวันกว่าจะพอกลับมามีกำลังใจได้ใหม่อีกครั้งนึง

LTS
- ตัวนี้ก็ชะล่าใจเล่นกับมันมาหลายรอบ ซื้อตรงแนวรับแล้วขายตอนเด้ง
- แต่ดันขายไม่หมด คิดว่าไม่มีอะไรแต่ถือว่าทำผิด Process ของตัวเองพอสมควรเลย
- ถือว่ากำไรหดเยอะมาก ไม้ท้ายๆแทบจะเข้าเนื้อเลยด้วยซ้ำ

Tue 31st Dec 2024 - Summary YEAR 2024

 สรุปปี 2024

1. สภาพตลาดเป็นปีที่เล่นได้ยากมากๆ หุ้นตัวที่ขึ้นเป็นเพียง Big Cap ไม่กี่ตัว คือ ถ้าเลือกผิด ผลตอบแทนที่ได้จะไปกันคนละทางเลย เช่น กลุ่ม Gulf, Advanc, Intuch, Thcom หรือ Ccet ที่ขึ้นไปประมาณ 350% หรือ True ขึ้นไป 115%


สรุป NAV ของปี 2024: -6.8307% (รวมปันผล)

NAV year begin: 12.4559
YTD NAV: 11.605077
Highest NAV: 13.674538
Draw Down: 17.8324%
Max Draw Down: 26.2381%


2. ปีนี้ตัวที่เป็น Big loser สาเหตุส่วนใหญ่มาจาก

- มั่นใจว่าธุรกิจยังโอเค แม้ราคาลงต่ำกว่า Stop loss ก็ยังไม่ได้ขาย พอลงหนักๆแล้วค่อยตัดใจมาขาย ที่แนวรับท้ายๆเช่น เส้น 50 หรือ 200 วัน ทำให้โดน Draw down เยอะพอสมควร ถ้าสามารถทำได้ตามแผนที่วางไว้ จะไม่โดนเยอะขนาดนี้ ในด้านเทคนิค เราต้องลด Bias ให้ได้ เมื่อเจอสัญญาณ Bearish ที่ชัดเจน เช่น ตอน SAV พุ่งขึ้นไปแรงๆพร้อม Vol แล้วดันปิดลงมาเป็นแท่งแดง มันเป็นสัญญาณที่ไม่ดีเอามากๆ แต่ก็ยังทนถือต่อไป ยังคิดเอาเองๆว่าภาพใหญ่มันยังดีอยู่

- เตือนตัวเองว่า การที่เราสนิทกับเจ้าของหรือผู้บริหาร ที่ให้เรามี Edge และ Threat เช่นกัน เหรียญมันมีสองด้านเสมอ การจะได้กำไรหนักๆ มันก็แลกมาด้วยความเสี่ยงที่น่ากลัวเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อเรามั่นใจ ไม่ Cut loss ตามแผน ทางออกคือ ถืงแม้ยังไงก็ตาม ถ้ามีสัญญาณอะไรชัดๆออกมา เราต้องเชื่อใน Process ของเราบ้าง อาจเป็นการขายออกมาบางส่วน

- ปี 2025 ตั้งใจจะแบ่งพอร์ตสำหรับตัวที่ถือๆยาว ออกมาเล่น trading ออกตามเป้าบ้าง เพื่อไม่ให้เสียรอบ

- ระหว่างปีมีความคิดที่จะปรับกลยุทธ์จาก trading ที่ควมคุม Risk มากๆมาเป็นการถือแบบวีไอระยะยาว โดยหวังจะได้ปันผลที่ดีระหว่างทาง แต่พอหลุด 1st stop loss ไปแล้ว ก็ยังมั่นใจ จนจะมาขายอีกทีตรงแนวรับสุดท้ายอีกเช่นกัน 

- ถ้ามองย้อนกลับไปทั้งปีนี้ แล้วเลือกทำสิ่งเดียวที่จะทำให้พอร์ตดีขึ้นกว่านี้ได้เยอะมาก คือ การที่เราแบ่งไม้ขายออกตามเป้าให้ได้ ซึ่ง H2 เราเลือกหุ้นได้ค่อนข้างดีมีสตอรี่แล้ว แต่ระหว่างทางมันพุ่งขึ้นลงแรงมากๆ เช่น SAV ขึ้นไปเกือบ 25 บาท แต่ตอนนี้อยู่แถวๆ 19 บาท ไปกลับ 6 บาท และมี 400,000 หุ้น ทำให้ไปกลับเงินหายไป 2.4 ล้าน ถ้าเอาแค่ 1/4 มาเล่น trading จะได้ตักกำไรอย่างน้อย 400,000 ออกมาก่อน

- สิ่งที่ต้องทำในปี 2025 คือ การทำ Money management ให้ดีมีแบบแผนการ Sell into Strength ซึ่งสมัยก่อน เราเคยเล่นเป็น Contrarian แล้วก็ได้ผลตอบแทนค่อนข้างดี และมีส่วนที่ตรงกับ Mindset ของเรา คือ รอซื้อหุ้นตรง Zone ที่ได้เปรียบ ในหุ้นที่มีสตอรี่ รอจังหวะกลับตัว และทยอยๆขายตรงแนวต้าน 

Holding Time
- จะเป็นว่าตัวที่เป็น Winner ของเราจะถืออยู่ระหว่าง 20-80 วันเท่านั้น สาเหตุส่วนนึงคือ ตลาดเป็น Sideway มากๆ การที่เราอยากจะถือยาวด้วยพื้นฐานก็ไม่อาจจะช่วยให้ Performance ดีขึ้น แถมกลับทำให้แย่ลงด้วย จะเห็นว่าตัวทีถือยาวๆระดับ200-350 วัน มันก็ยังเป็น Loss ได้