วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2567

Mon 21st Oct 2024 1R 2R & 3R

 วันนี้พยายามนั่งทำ Excel ให้เห็นว่า ถ้าจะ Sell into Strength โดยมี Sizing แบบต่างๆจะเป็นยังไง และให้ผลตอบแทนแค่ไหนอย่างไร

สมมุติ Position ละ 3,000,000
ถ้าแบ่งเป็น 3 ไม้ ไว้ขายตอนกำไร 7%, 6%,5%,3% ตามลำดับ ถือเป็น 1R
และถ้าทยอยๆออกไม้ 2 ตอนกำไร 2R และ 3R จะได้กำไรแค่ไหนอย่างไร



หลังจากนั่งรถฟรีมาหลายรอบ พยายามที่จะกินเต็มคำ เต็มข้อ
ลองมาปรับให้เป็นการขายออกตามเป้าดีกว่า
อันนี้เป็นแค่หลักคิดตาม % เราอาจจะปรับให้เป็นเป้า Fibo อีกทีก็ได้


วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2567

Thu 26th Sept 2024 Big Cap Rising

 Market
- ตลาดยังคงสลับกลุ่มเล่นแบบยังไม่มี Big Winner ที่ชัดเจน แนวๆ Big Cap Rising
- ยังเป็นช่วงที่เล่นได้ยากมากๆ

Strategy
- ตอนนี้ YTD -11.50% ตามแผนคือ ต้อง มีแค่ 7.5% X Max 6 stock
- ปัจจุบันยังมีเกินๆไปอยู่จากของเก่า ยังไงจะต้องกลับมาใน Process ให้ได้ภายในสัปดาห์หน้า

- BA ขายออก 12,500 ถ้าไม่กลับมา 23.20
- BANPU ขายออก 125,000  ถ้าหลุด 6.80
- DIF ขายออก 30,000 ถ้าหลุด 9.45
- JMART ขายออก 75,000 ถ้าหลุด 15.80
- LTS ลดออก 150,000 หาจังหวะ
- SAV ขายออก 150,000 ถ้าไม่ปิดยืน 21.50
ทั้งหมดนี่ รอดูตอน 16:15 pm



วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2567

Sun 15th Sept 2024 สรุปความคิด เหตุและผลในปัจจุบัน

 ไม่ได้เขียนไดอารีมานาน

ที่ผ่านมา 2-3 ปีล่าสุด มีการเทรนกับ Humble trading และเน้นไปที่ Process trading วางแผน ทำตามแผน ความคุมความเสี่ยงแบบเป๊ะๆ


ข้อดี
1. Process ที่ดีสามารถคุม Risk รวมถึงคุม Drawdown ได้ดีมากๆ

2. สภาพจิตใจค่อนข้างดี มีหลักคิดและหลักการให้ยึดเหนี่ยว ไม่ไหว้เขวง่ายๆ มีอะไรก็โทษ Process แม่งก่อนเลย ถ้าทำตามไม่ได้ค่อยโทษตัวเอง และถ้า Process ไม่ดีค่อยปรับ Process

3. ถ้าทำอย่างสม่ำเสมอจะสามารถวัดและประเมินผลได้ง่ายและชัดเจน

ข้อเสีย
1. เป็นการกินคำเล็กถึงกลางๆ เช่นได้ทีละ 2-3R ไม้แรก และไม้สอง 4R ที่เหลือจะปล่อย Run trend แต่จะไม่ได้กินคำใหญ่ ทั้ง Position เหมือนแนวๆวีไอ (ตรงนี้อาจไม่ถูกจริตของตัวเราเอง)

2. ในช่วงที่ตลาด Sideway โดยเฉพาะ Sideway Down จะโดน Stop loss รัวๆมากๆ อาจทำให้ใจแกว่ง และหมดศรัทธาในระบบ Momentum และ RS แบบกัดกร่อนลงไปเรื่อยๆ

3. ถ้า Process ของเราเหมือนหรือคล้ายกับของคนอื่นๆ เราจะหา Competitive Advantage ได้ยาก



ช่วง 6 เดือนล่าสุด เป็นช่วงที่ตลาด Down trend อย่างที่สุด ลงแล้วลงอีก ทำให้ต้องเริ่มพิจารณาหาวิธีการใหม่ๆ เริ่มกลับมาศึกษาแนวทาง VI อีกครั้ง มองหุ้นเป็นการซื้อกิจการเพื่อสร้างกระแสเงินสด รวมทั้งมองมิติปันผล ที่เราจะได้รับแต่ละปีและเดือนเพื่อให้พอกับรายจ่ายในปัจจุบันและอนาคต

และมองข้ามแนวรับ หรือ Stop loss ไป พยายามที่จะมองให้ยาวขึ้น คนอื่นๆเค้ามองกัน QoQ เราพยายามจะมองให้เป็น YoY ให้ได้

- สร้างพอร์ตปันผลที่พอมี Growth ศึกษาพฤติกรรมของมันในอดีต ทั้งการเจริญเติบโตใน Business model และการจ่ายเงินปันผล ที่เพียงพอกับที่เราต้องการ

- เข้าใจและแตกฉานกับมันพอสมควร แต่แผนที่เราวางไว้ มันจะตามแผนจนกระทั่งเราโดนหมัดฮุกของไมค์ ไทสันเข้าเต็มๆ

- ช่วงเดือนล่าสุด SET กลับไปยืนเหนือเส้น 10, 20, 50, 200 ได้ตามลำดับ แบบเร็วและแรง โดยเฉพาะหุ้นใหญ่ๆเป้าหมายวายุภักษ์ ตอนแรกมองไว้ว่าเดี๋ยวหุ้นเราก็คงตามมาช้าๆค่อยๆเป็นค่อยๆไป

- แต่ไม่ใช่ว่ามันจะยังไม่มา หุ้นที่ถือมันดันโดนขาย แล้ว Rotate ไปเล่นหุ้นใหญ่ ทำสัญญาณหลุดแนวรับโคตรใหญ่ เช่น Trend Line เส้นใหญ่ หรือเส้น 200 วันแบบหลุดแล้วขึ้นมาชนแล้วทำ Lower low ต่อ

- ยืนขาตายอยู่ ในช่วง 2-3 สัปดาห์ ทนรับ Draw down ปล่อยให้พอร์ตจมลงเรื่อยๆ เริ่มนอนหลับไม่สนิท ว่าเราควรจะยึดมั่นในแนวทางเดิม คือ เน้นพื้นฐานมองภาพใหญ่ๆให้ขาด แล้วช่างแม่ง Stop loss

หลังจากนอนๆคิดมาหลายๆคืน กลับมาเจอ Port Management ที่เคยแปะไว้ข้างๆโต๊ะ แล้วก็คิดว่าควรจะกลับมาสู่พื้นฐาน คือ การปรับสภาพจิตใจให้เป็นปกติก่อน


- พอเห็นตารางอันนี้ ก็มานั่งไล่ปรับพอร์ต ขายตัวที่หลุดเส้น 200 วันและ Trend line แบบชัดเจนๆออกไปก่อน และค่อยๆคัดหุ้นที่พอมีความแข็งแกร่งและเรามั่นใจ Story เข้ามาแทนที่

- สภาพจิตใจคือ ค่อยๆกลับมามีที่ยึดเหนี่ยวอีกครั้ง
- คิดว่านักลงทุนวีไอคงมีพื้นฐาน หรือ Business model ไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจ
- RS หรือ Momentum investor ก็อาจจะมี Chart และ Technical ไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจเช่นกัน




***สรุป ณ ปัจจุบัน ยังไม่รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก หรือเหมาะกับตัวเอง แต่ทุกครั้งที่มีการปรับแผนอะไรใหม่แบบครั้งใหญ่ ก็เห็นสมควรที่จะถอดความคิดและความรู้สึกของตัวเองออกมาเป็นตัวหนังสือ จะผิดจะถูกอย่างไร ก็ขอให้เป็นการเรียนรู้จักตัวตนของเราไปอีกทีละนิดทีละหน่อย


วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

Thu 9th May 2024 : Summary after 4 months

 Market
- ตลาดมีทำ New Low จากแนวรับที่แข็งมากๆ ซึ่งเทสมาแล้ว 4 ครั้ง โดยครั้งที่ 5 ถึงทะลุลงไปได้ แบบแหกใช้ได้เลย
- เหมือนเครียร์ให้คนคัทออกมาแบบหมดใจมากๆ แล้วก็มีดึงกลับ ผ่าน 1355 ที่เคยเป็นแนวรับแข็งๆ ตอนนี้กลายเป็นแนวต้าน มีการทะลุขึ้นกลับมาได้ดี
- ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเหมือนมี Setup หุ้นสวยๆมาให้เล่นได้อีกพอสมควร มากกว่าสมัยก่อนที่หาชุดหุ้นแข็งๆเล่นไม่ได้เลย หรือมีสวยๆก็เบรคแล้ว squat ยับ แบบโดน Robot ถล่มเละ แต่ช่วงนี้เริ่มมีหลายตัวที่เริ่มไม่โดน

PORT

YTD 4.35%
CASH / STOCK: 13.94% / 86.06%
DD 5.20%
Max DD 17.20%

LEARNING
- ที่ผ่านมาลองทำตาม Process ที่วางไว้อย่างเคร่งครัด แต่เหมือนมันเป็นกรอบที่ไม่ค่อยเหมาะกับตัวเองสักเท่าไหร่ แต่ก็ยังหากรอบที่เหมาะกับตัวเอง และยัง Quantity เป็น Process ที่มี Buy & Sell rules ที่ชัดเจนไม่ได้เหมือนกัน

- จากนั้นก็ลองมาปรับ Stock selection จากการมองพื้นฐาน ประติปะต่อสตอรี่ต่างๆจากผลประกอบการณ์ในอนาคต money game ผู้เล่นต่างๆ ให้เห็นภาพใหญ่ พอให้เห็นทิศทางประมาณนึง และหาหุ้นที่ราคายังพอมี upside ให้ไปต่อได้อีกประมาณนึง

- Buying condition ก็จะแหย่ซื้อไปสัก 1 ไม้สัก 1/5 ของที่อยากได้ก่อน แล้วถ้ามีย่อๆลงมาก็ทยอยๆรับๆ หรือขึ้นไปก็มีเติมๆไปบ้าง กะๆเอาให้ได้ประมาณที่ต้องการ

- ด้าน Money management ก็เพิ่ม Exposure มากขึ้นกว่าเดิม และมากกว่า ที่วาง Process ไว้เป็นตาราง เช่น ขึ้นอยู่กับตลาดและ YTD ของเราเอง แต่รอบนี้ ดัน Exp มากขึ้นกว่าเดิม โดยไม่สนใจตลาดเลย เน้นการคุม Stop loss และการผิดทางจากข้อมูลภาพใหญ่ ด้านพื้นฐานที่ทยอยๆเปิดมากกว่า

- แต่ละตัวที่ซื้อจะเป็น 10% กับ 15% คือตัวที่คัดมาแล้ว

- ช่วงปีนี้ที่ผ่านมา โดน DD -6.5% และตอนนี้กลับมา 4% ไปกลับเกือบ 10% ถือเป็น Result ที่น่าพอใจ แต่กำลังวิเคราะห์ตัวเองอยู่ว่า เป็นเพราะอะไร
1. Money management ที่เปลี่ยนไป คือ Exposure มากขึ้น
2. Stock selection ที่ดีขึ้น
หรือ
3. สนใจการ Scan หุ้นน้อยลง คือ ดูแต่ไม่ได้เอามา Action อะไร


XO
- หุ้นราคายังไม่แพง ถ้า Q1 ทำกำไรได้ตามที่ประกาศ คือ ATH เอาสัก 250 ล้าน และ Q2 น้อยลงมาหน่อย สัก 200 ล้าน รวมเป็น 450 ล้าน และ H2 2024 ได้อีกสัก 350-400 ล้าน จะเป็นกำไรแถวๆ 850 ล้าน
- ตอนนี้ Market cap ประมาณ 12,000 (ตอนที่ซื้อ) ได้ PE สัก 14 เท่ากว่าๆ 


TPS
- ซื้อตอนแถวๆ 3.60 มีคนไล่ราคาขึ้นมา ฟังสตอรี่แล้วก็สนใจ
- ตัวนี้ซื้อๆแม่งกลางๆทางเลย มีขวาๆอยู่ 2-3 แสนหุ้น เคาะเหมาหมด เลยพอเก็บ Vol ได้เป็นเนื้อหนัง
- รอดูงบ Q1 ที่ผบห บอกว่า น่าจะโต 30-35% ได้อยู่ จากบริษัทลูกๆทั้งหลาย



SAV
- ตัวนี้โดนเต็มๆข้อตอน IPO ที่ถือ Over-sizing จากที่ควรถือเกินไปเยอะมาก แถมเปิดมาแล้วขาดทุนยับ ทำเอาเสียศูนย์ไปเยอะ
- พอมันลงมาก็รับแบบรับมีด เพราะคิดว่าถูกกว่าเดิม แล้วก็โดนๆคัทๆรัวๆอีก
- จนมันเริ่มตั้งฐานขึ้นมาได้ เกือบๆจะเท่า IPO ปะติดปะต่อข้อมูลต่างๆแล้วก็ซื้อเข้าไปเรื่อยๆ จนครบ 15% Exp


SAMTEL
- เห็นรอบนี้กลุ่มสามารถกลับมาทั้งพื้นฐานและกราฟอย่างชัดเจน โดยมี SAV และ SAMART ตั้งทรงมาสวยๆ เหลือลูกๆ ที่ยังไม่ขึ้นเท่าไหร่ กองๆอยู่ข้างล่าง ออกแนวๆ Singer
- ยังอยู่ใต้เส้น 200 มีการยก High ยก Low ขึ้น แถวๆนี้ ยังมีทุนไม่แพ้ใครเท่าไหร่ ติดๆพอร์ตไว้สักหน่อย




KAMART
- ที่ผ่านมารับที่เส้น 200 วัน มา 2-3 รอบแล้ว มีแผลบทะลุลงต่อไป ให้เสียวสุดๆบ้าง แต่ก็ลากกลับมาได้
- รอบนี้ขึ้นไป 18 โดนทุบลงมา 13 และค่อยๆเป็น VCP หวังว่าจะไปต่อยาวๆได้
- พื้นฐานยังดูโอเค แต่งงๆว่าทำไมกองทุนไม่ค่อยมาถือเลย


วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2567

Fri 29th Mar 2024 SAV SAMART TPS

 MARKET
- ตลาดยังไม่สามารถทำ Higher High ได้ แต่ก็ยังไม่ได้ทำ Lower Low
- Macd ดูเริ่มย่อตัวรอเลือกข้าง

PORT
stock 75.13% / cash 24.87%
ytd -3.3012%
dd 13.53%
Max dd 17.20%



XO
- ทรงยังไม่เสียเท่าไหร่ อยู่ประมาณ Cheat area
- พื้นฐานอยู่ที่ว่าคนจะเชื่อมั้ยว่า Q1 จะกำไร New high และจะสามารถคูณ 4 เพื่อคิดเป็นกำไรทั้งปีได้
- ภาพใหญ่ๆยังพอได้ วันไหนโดนทุบลงแรงๆ อาจต้องหาทางเก็บไว้จากล่างๆหน่อย


TPS
- พุ่งขึ้นไปได้ จะเป็น Power play pattern ได้มั้ย
- Vol dry out มากๆ โดนทุบลงมาแต่ก็ทำปิดกลับไปยืนเหนือเส้น MA10 ได้อยู่
- แม้ว่า Macd จะเริ่มตามมาทันและโดนตัดลงอยู่ด้านบนแล้ว


SAV
- วัดเป้า Swing Equality 1.0 มาถึงแล้วที่ 19.60
- วันศุกร์ย่อแรงประมาณนึง พร้อม Vol เยอะสุด ควรระวังตัวด้วย


SAMART
- Vol ยังไม่เยอะเท่าไหร่ เป็นการย่อเล็กๆ ทรงยังสวยอยู่


MOSHI
- MA10 Violation แล้ว ยังไม่สามารถกลับมาได้ ควรจะออกได้แล้ววันจันทร์


KAMART
- รอบนี้ต่างกับรอบที่แล้ว ที่โดนทุบลงมาหนักๆ คือ Vol ยังไม่เยอะเท่า
- OBV ก็ยังไม่เสียทรงเท่าไหร่ พร้อม Macd ยังพอไหวอยู่


วันอังคารที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2567

Tue 5th Mar 2024 Too many mistakes & Lesson to learn

 Market
- ตลาดยังคงลงต่อเนื่อง 7 แท่งติดต่อกัน
- วันนี้มีลงไปเทส Low ในรอบเกือบ 3.5 ปีอีกด้วย ยังดีปิดกลับมาได้สูงกว่าเปิดหน่อยนึง
- ยังคงต่ำกว่าทุกเส้นที่มีทั้งหมด โคตร Bearish สุดๆ
- วันนี้ยังเป็น Head & Shoulder แต่ MACD ยังมี Bullish divergent ประมาณนึง


PORT
YTD -6.3325%
STOCK 61.81% / CASH 38.19%
DD 17.2057%
Max DD 17.2057%

รอบนี้ดันถือเน้นๆ 3 ตัวหลักๆถือ Exposure เยอะเกินที่ควรจะเป็น
ตามแผน ในตลาดอย่างนี้จะถือได้แค่ 4 ตัว X 6.0% = 24.00% of port
ตอนแรกพอมันขึ้นๆมันก็ดีอยู่หรอก แต่ตอนลง ทำให้ NAV ยุบลงเยอะพอสมควร
โดยเฉพาะ Kamart ลงจาก 18




LESSON
1. ควรเขียน Diary ให้สม่ำเสมอ เพื่อตรวจสอบสุขภาพพอร์ตตัวเอง รวมทั้งจิตใจตัวเองอย่างสม่ำเสมอ

2. คุม Exposure ตามแผนที่วางไว้ให้ดีๆ รอบนี้หลุดไปเยอะเลย พอคิดว่าพอร์ตบวกแล้วเราเพิ่ม Exposure เยอะเลย แต่ตอนลง ดันไม่ยอมลด Exposure ลงตาม

3. รอบนี้เล่นมั่วเยอะเกินไป พอไม่ได้วางแผนทุกวันแล้ว มันก็เลยไม่มีแผนให้ทำตาม พองั้นก็เลยเล่นแบบตามน้ำ ตามหน้างานเลย ยิ่งเละเข้าไปใหญ่

4. ตอนนี้ควรปรับ Exposure กลับมาให้ตามแผนก่อน แล้วค่อย Come back กลับมาตามแผนอีกที

5. ตลาดไม่ดี ไม่ควรฝืน ควรตามแผนให้จงได้


SPALI
- ตัวนี้เก็บตามแถวๆ 19.00 บาท ตัวนี้ยังพอได้



SKY
- ด้วยความเป็นคนที่ติดการ Run Trend และมีความคิดฝังหัวว่าตลาดน่าจะเด้งจากจุกต่ำสุดได้แล้ว ซึ่งมันเป็นการคิดไปเอง ทั้งๆที่ตลาดอยู่ใต้ทุกเส้น มีไม่กี่ช่วงที่ขึ้นไปยืนเหนือเส้น MA50 ได้ แต่เราก็ดันเลือกที่จะปล่อย Run Trend
- สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เราสามารถเล่นรอบได้ 3-4 รอบเลย แต่ไม่ได้ทำอะไรเลย กลับมายืนที่เดิม




MOSHI
- ตัวนี้งบออกมาดี ซื้อหลังงบออกหน่อย มันเปิดกระโดดแล้วมีย่อนิดๆ แต่ไม่ได้ถือ Exp เยอะ


MALEE
- ตัวนี้เก็บมาตั้งแต่ล่างๆ อีกเช่นกัน พยายาม Run Trend แล้วก็มา Sell on Weakness กำไรหายบานเลย
- แล้วพอมันกลับมาเล่นใหม่ก็ไม่กล้าเข้า แล้วมันก็ไปแรงเลย
- ตอนนี้มันสร้างฐานขึ้นมาใหม่ เป็น High Handle รอดู


KLINIQ
- ตัวนี้ซื้อไปแล้ว มันขึ้นไปสวยๆแล้วทุบลงมาแล้วก็ลากขึ้นไปใหม่แบบโคตรสวย เกือบ New High
- แล้วทุบหลุดเส้น 200 ลงมาเลย



KAMART
- ที่ผ่านมารับเส้น 200 มาตลอด สองครั้ง แล้วมันก็เด้งกลับไป
- รอบนี้ขึ้นไป Peak ที่ 18 บาท เริ่มปิดไม่ดีวันแรก วันที่สองปิดแย่มากๆพร้อม Vol แต่เรายังชะล่าใจเกินไป
- อีกวันจาก 16 บาท Pre-open ลงมา 13 บาทเลย
- เลยคิดว่าเส้น 200 มันอยู่อีกนิดเดียวละ รอเลยละกัน
- แต่ความสยองคือ Vol ที่เกิดขึ้นทั้ง Day & Week เยอะมากๆ





EURO
- ตัวนี้ก็โคตรพลาด คิดว่ารับได้ถูกกว่า IPO ที่ 10.60 คือรับแถวๆ 8 บาท จะถูกแล้ว
- แม่งยังไม่มี Vol และทุบลงมาได้เละจริงๆ ทยอยๆออกเท่าที่มี Vol ให้ออกได้ละ





XPG
- ฟอร์มตัวทรงสามเหลี่ยม ดูน่าลุ้นพอสมควร ถ้าหาจังหวะเข้าได้