- จริงๆก่อนเข้าเดือน May ได้มีการเขียนใน Diary ไว้เพื่อเตือนตัวเองมาตลอดว่า จะต้องเล่นด้วยความระมัดระวัง และควมคุม draw down ให้ดีๆ
- ในช่วงตลาดขาขึ้นใครๆแม่งก็เป็นเซียนกันได้ เพราะซื้อมั่วๆมันก็ได้กำไรกันหมด แต่ตอนตลาดขาลง จะเป็นช่วงพิสูจน์ว่า ใครจะยืนอยู่ระยะยาวได้จริงๆหรือไม่ เพราะมันจะเป็น Sideway อยู่บ่อยๆ หุ้นหลายๆตัวที่ Breakout ขึ้นไป แล้วก็มี Probability ว่ามันจะ Fail มากกกว่าตอนตลาดขาขึ้น
***รอบนี้ได้บทเรียนอยู่หลายอย่าง จ่ายเป็นการเสียกำไรไปหลายตังค์
- จะต้องไม่ซื้อหุ้นนอก Trading list ที่เราได้ทำการบ้านมาแล้วเป็นอย่างดี มีหลายครั้งที่อาศัยนั่งดูหุ้นช่วงตลาดทำการ แล้วหาหุ้นซื้อ อย่างไม่มีแบบแผน หรือตามคำแนะนำของคนอื่น บอกได้เลยว่าหลายทีละ แม่งเละสัสเลย
- ตลาดตอนเช้าจะเป็นของมือสมัครเล่น แต่ตลาดใกล้ๆปิดจะเป็นพลังของมืออาชีพ สังเกตุได้ว่ารอบนี้ หลายๆวัน เปิดตอนเช้ามา ตลาดจะเขียว ดูน่าเล่น อารมณ์เหมือนเมิงจะตกรถจริงจัง แต่พอเข้าช่วงบ่ายๆเริ่มย่อ ทำกำไร และตอนปิดจะแย่ลง เหมือนคนมาเล่น Day trade กันเยอะ
- ตลาดยังคงอยู่ในโหมด Sideway ส่วนใหญ่เปิดมาจะเขียวๆและบ่ายจะย่อๆ เป็นอย่างนี้มาหลายวันละ
- View ก็ยังมองว่า ยังไม่อยากเข้าไปแจมเยอะเท่าไหร่
- เป็นอีกวันนึงที่ตอนเช้าดูมีแรงซื้อเข้ามาดันหุ้นไปแรงมากๆ
- และเราก็ยอมรับว่าถูกตลาดยั่วยวนให้เข้ามาซื้อหุ้น ทั้งๆที่แพลนไว้แล้วว่าจะพยายามว่าจะไม่เข้ามาเทรด
- แต่ก็ดันเข้าไปซื้อ PTL และ EPG
- ช่วงนี้ตลาดสวิงแรงมากๆ เมื่อวานขึ้นมาแรง แต่วันนี้ย่อหลายตัว
- ยังคงทำได้คือ ไม่ซื้อไม้ Size ปกติ แต่คือ ถ้าคันมือมากๆ ก็ซื้อเข้าไปแบบน้อยมากๆ
- ปกติจะซื้อไม้ละ 0.50% ของ Risk ทั้งพอร์ต แต่นี่คงต้องหารไปอีก อาจจะเหลือ 0.125% ของ Risk พอร์ต
- วันนี้ Draw down กลับมาอยู่ที่ 4.38% จาก Maximum NAV
- NAV ของพอร์ตยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ลดลงเยอะและมีหุ้นเหลือ อยู่ 40.77% และเงินสดอีก 59.23%
- ตอนนี้ Maximum Draw down อยู่ที่ 6.4952% แล้ว นับเป็นการไหลลงอย่างต่อเนื่องทีละนิดทีละหน่อย
- ตอนแรกคิดว่าจะคุมๆไว้ไม่เกิน 5% ได้ แต่เนื่องจากยังมีหุ้นที่กำไรเยอะมากๆ เลยคิดว่า ถือๆไปคงไม่เป็นไร แต่มันก็เล่นลงทีละ 4-5% เรื่อยๆ ก็แอบดึงพอร์ตโดยรวมลงไปอีก
- สัปดาห์นี้วางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะไม่เข้าไปซื้อหุ้นเพิ่ม เพียงเพราะว่าราคามันถูกลง แต่ไม่ใช่ Price pattern ที่เป็น High Probability จะออกแนว ซื้อหุ้นถูกแล้ว อาจจะมีถูกกว่า หรือไม่ก็ต้องรอนาน แล้วมันระเหี่ยใจ
- สิ่งที่เราควรจะทำคือ 1. มองหาหุ้นที่เกิด Double Repo แล้วเข้าซื้อ
หรือ 2. รอให้เป็น Pattern ที่เป็น higher high หรือแนวๆ VCP แล้วค่อยซื้อ
- สิ่งที่เราตั้งใจมากๆคือ ไม่ซื้อเพียงเพราะว่ามันถูก ถ้าจะซื้อจริงๆ เล่นขำๆ เพื่อแหย่ขาไปนิดหน่อย แต่ห้ามเล่น Position ใหญ่เหมือนเดิมเด็ดขาด
- เมื่อวานตั้งใจว่าจะลดพอร์ตลงอีก
- วันนี้ตอนเช้ามีประชุม กว่าจะเสร็จก็เกือบๆเที่ยง มานั่งดูเห็นตลาดเปิดมาเยอะ แล้วเที่ยงๆมีเด้ง
- มานั่งดูแต่ละตัวอีกที ตอนตลาดเปิดช่วง 14:30 เห็นๆแล้ว ไม่อยากเสี่ยงถือไปอีก ตั้งใจว่าจะลดพอร์ต แล้วคิดว่าต้องเด็ดขาด
- เปิดบ่ายมาแล้วก็ทยอยๆลดอีกหลายๆตัวที่ มี Vol น้อย กลัวว่าถ้าตลาดถล่มจริงๆ เราจะออกไม่ได้ อันนี้กลัวมากๆเลย
บทเรียนรอบนี้
1. ความเด็ดขาด: เมื่อเราวางแผนมาแล้ว ก็ต้องทำตามแผน ไม่งั้นเมิงจะทำแผนมาเพื่ออะไรฟร่ะ เคยโดนรุ่นพี่คนนึงด่า ประมาณว่า เมิงจะดูกราฟ แล้วตั้ง stop loss ทำไมว่ะ ถ้าเมิงดูแล้ว ไม่ทำตาม อันนี้ฟังแล้วก็ เออว่ะ แม่งโดนจริง
2. หุ้นพวกไม่มี Vol จำเป็นต้องออกก่อน
Larry Hite กล่าวว่า You can't win if you don't bet. If you lose all you chip, you can't bet.
อย่าเพิ่งตายไปซะก่อน ยังไม่รวยวันนี้ แต่วันหน้าก็ยังมีโอกาส ถ้าเรายังมีเงินทุนเหลืออยู่
3. ในวันที่เราไม่ควรไปคาดหวังกับตลาด เราก็จง เล่นไปตามตลาด เท่าที่มันให้เราเล่นได้
ในมุมมองของตลาด ไม่มีอะไรเลย ที่เราจะควบคุมได้
หลังจากที่เราซื้อหุ้นไปแล้ว สิ่งเดียวที่เราควบคุมได้คือ "Stop loss" นอกนั้น เหนือการควบคุมทั้งหมด
4. รอบนี้ ตั้งใจมากๆที่จะคุม Maximum Draw down ให้ได้ไม่เกิน 5% แต่วันนี้ปิด YTD แล้ว โดนไป 5.50% กว่าๆ เกินกว่าที่คุมไว้พอสมควร แต่ก็ถือว่า มีพัฒนาการในการคุม Risk ได้มากขึ้นกว่า รอบก่อนๆได้ดีขึ้นมาก รอบนี้ก็แค่เซ็งๆเจ็บๆ แต่ไม่ถึงกับจะเป็นจะตาย
5. เวลาที่ตลาดดีๆ คนได้กำไรไป 50%, 100%, 200% จะว่าไปก็สำคัญแล้ว แต่ที่สำคัญกว่า คือ เวลาที่ตลาดถล่ม เราคุม Risk แล้วโดนไปมากน้อยแค่ไหน อันนี้ที่สำคัญกว่า ตอนได้ คนมันก็ได้เหมือนๆกันหมด แต่ตอนตาย เราต้องไม่ตายหนัก
- ตั้งแต่เข้าเดือน May เอาจริงๆก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะคุม Risk หรือ Draw down ให้ได้ Limit ที่สุด ใจจริงๆไม่อยากให้เกิน 5% เลยด้วย
- ทำไปทำมา เมื่อานโดน Draw down รวม ไป 2.67% และวันนี้รวมๆอีกเป็น 3.7130%
- วิเคราะห์ข้อผิดพลาดของตัวเองรอบนี้
1. พยายามมากไปในการหาหุ้นหลักตัวต่อไปเร็วๆ มีการเข้าไป เข้ามาหลายตัว แต่ก็ยังไม่สามารถให้มันเป็นตัวหลักได้ มีแค่บวกไปนิดหน่อยแล้วก็ย่อตัวลงมา
2. เราพยายามคาดหวังจากตลาดเกินกว่าที่ตลาดจะให้เราได้ เช่น เดือนนี้เป็นเดือนที่เล่นยาก จริงๆเราควรจะไม่ซื้อตัวใหม่เข้ามาเยอะเกินไป คือตัวเก่ามี แล้วหลุด Stop loss ก็ทยอยๆปล่อยไป
3. เมื่อยามที่เมาหมัด ควรจะกลับไปซื้อด้วย Position ที่น้อยลงมากๆเช่น 0.5 หรือ 0.25 หรือ 0.125 เลยก็ได้ แต่เราก็ยังมันส์มือ ซื้อกลับเข้าไปเกือบเต็ม Position โดยหวังว่าจะดึงให้ Draw down ที่เสียไป กลับมาได้เร็วหน่อย ไม่ต่างจาก Mindset ของนักพนันที่เริ่มหน้ามืด อยากจะได้ทุนคืนกลับมาเร็วๆ โดยวางแผนไม่รอบคอบ
4. ตั้งใจไว้ว่าจะหยุดเล่น หรือเล่นน้อยลงมากๆแบบมีนัยยะสำคัญ แต่ก็ทำไม่สำเร็จ ซื้อๆขายๆเข้าไปอีกรอบ จนโดนตอดมาทีละ 1-2% ของพอร์ต ซึ่งผิดจาก Master Plan ที่วางไว้ตั้งแต่ต้นเดือน
5. สิ่งที่ทำได้ดีขึ้นมาก จากเมื่อก่อนคือ การตัดสินใจที่เด็ดขาดมากขึ้น ถ้าถึงจังหวะที่ต้องขายหุ้นออกไปแต่ละตัว เราก็ทำได้เด็ดขาดมากขึ้นเยอะ คือ เน้น technical หลุดก็คือหลุด
สิ่งที่ควรต้องทำหลังจากนี้คือ
1. ถอยออกมาจากตลาด สักเล็กน้อย ไม่นั่งเฝ้าจอ เพราะจะทำให้โดนตลาดดึงเข้าไปเทรดอีก
2. ถ้าจะเล่นต้องเล่นด้วย Position ที่น้อยมากๆ เช่น 0.125 หรือน้อยกว่านั้น
3. ห้ามหายออกไปจากตลาดโดยสิ้นเชิง เพราะเราจะไม่รู้ Sentiment ตลาด และเมื่อมันกลับตัวจริงๆ เราจะไม่รู้ตัว หรือรู้ตัวช้าเกินไป
4. ความยากอยู่ที่จะเก็บคอ งอเข่า ทำ Mindset ให้เป็นกลาง ปล่อยวาง ไม่ยินดี ยินร้าย กับหุ้นที่ขึ้นหรือลง จนกว่าตลาดจะกลับตัว
