- ไตรมาส 3 เริ่มต้นที่ NAV 9.7676 และจบที่ 10.4725 คิดเป็น 7.2175%
- จากต้นปี 2017 YTD% = 12.8163%
- ไตรมาสนี้โชดดีที่ได้แรงกระตุ้นของ SET ที่ทำให้ตลาดบวกได้เยอะมากๆ
- พอร์ตส่วนตัวเน้นกระจายความเสี่ยงเหมือนเดิม คือ ถือตัวหลักๆ 3-4 ตัว เฉลี่ยๆ 10-12% ของพอร์ต เน้นตัวที่ศึกษาพื้นฐานและค่อนข้างมั่นใจกับมัน ส่วนอีกครึ่งนึงของพอร์ตเป็นการกระจายไปตามตัวที่เข้า Buy zone ตาม Technical ที่ได้ใช้ประจำ
1. CBG
- คาราบาวแดงเป็นตัวที่ศึกษาและติดตามมาเกือบๆปี เข้าฟัง Opportunity Day ทุกๆไตรมาส 3-4 ครั้งล่าสุด รวมทั้งไปฟัง Analyze meeting พูดคุยกับคนที่เกี่ยวข้องกับสินค้าตัวนี้เพื่อให้ได้หลายๆมิติ สิ่งที่ชอบและตัดสินใจถือเยอะมาจาก
- ผู้บริหารทำงานจริงจัง ตั้งใจ และเป็นคนพิเศษที่ยากจะหาได้ในบริษัทอื่น คือ คุณเสถียร์ เป็นคนที่มีพลังและ Skill ในการสร้าง connection กับผู้คนได้ดีมากๆ รวมทั้งมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ใหญ่หลายๆคน
- ความพยายามผลักดัน Brand จากภายในประเทศ เข้าไปสู่ CLMV ค่อยๆขยับไป Export ในหลายปรเทศมากขึ้น และฝันที่จะเข้าไปทำ Sport marketing ที่ UK เป็น sponsor ให้ Chelsea และ Sponsor หลักให้ EFL League cup เปลี่ยนชื่อเป็น Carabao Cup จะถึงกล้าทุบกระปุกส่วนตัวเมื่อโอกาสมาถึง ในการบุกเมืองจีน ตลาดที่ใหญ่อันดับ 2 ของเครื่องดื่มชูกำลังโลก ที่มี Growth 30% มา 5 ปีติดๆกัน แทบไม่ต้องไปแย่งตลาดกับใครเลย ถึงแม้ Redbull จะมีปัญหาไม่สามารถขายได้ที่เมืองจีน
ทำให้โอกาสในการเป็น Global Brand สามารถเกิดขึ้นได้จริงๆ และเมื่อนั้น Market cap ระดับ 90,000 ล้านบาท ของ CBG จะสามารถกลายเป็น 200,000 - 300,000 ล้านได้สบายๆ
- ครั้งที่สองรับเข้าไปไม้แรกแถวๆ 60 ต้นๆคิดว่าน่าจะรับอยู่ ยังดีที่แบ่งไม้ รอมาซื้อเพิ่มอีกที่ Low เดิมตรงแถวๆ 55.00 บาท แต่วันนั้น มันแฉลบลงมาถึง 50 บาท มาดูตอนนี้ คนคงไม่รุ้สึกอะไรเท่าไหร่ มันก็แค่ทะลุลงมาเองนิหว่า แต่ใจเราที่ถืออยู่ 12% ของพอร์ต มันก็เสียหายเยอะเหมือนกันแหะ ตอนนั้นต้องตั้งสติดีๆ มาทบทวนพื้นฐาน และจุดรับ จุดคัทให้ดีๆ ยังดีที่เราทำ Trading plan ไว้ทุกวัน ว่าถ้าถึงจุดไหนควรจะคัท และยอมแพ้อย่างไร ภายในอีกวันมันเด้งจาก low 50.00 ขึ้นมาที่ 56.00 รอดตายไป
- ครั้งที่ 3 หลังจากเล่นและขายไป 2/3 และมารับเพิ่มตรงกรอบสีแดง ณ เส้น 200 วันที่คิดว่าน่าจะรับอยู่ ตอนนั้นภาพในเมืองจีนเริ่มชัดขึ้น ได้ข่าวนักลงทุนขาใหญ่ คุณประชา เริ่มเก็บเยอะขึ้นเรื่อยๆ และมีการซ่อน position
- พอ Break จากกรอบสามเหลี่ยมได้ พร้อมทั้ง Week & Day ส่งสัญญาณบวก ทำให้เริ่มมั่่นใจว่ามาถูกทาง เริ่มเติม position ให้พอร์ตแม่ยาย และรุ่นพี่อีกสองคนที่บริหารให้อยู่
- ขายออกส่วนนึงที่ แนวต้าน Maximum extension ของกรอบสวิงใหญ่ ที่ 87.00
- ยังถือแบบเกาะ Trailing stop เมือหลุดเส้น 3 X 3 run trend ไปเรื่อยๆ
.................................................................................................................................
ESSO
- ตัวนี้ได้อ่านวิธีการวิเคราะห์อุตสหกรรมจากพี่มี่ ทิวา ให้เห็นถึงโอกาสและมุมมองต่างๆ และไปตามศึกษาต่อ พอให้เห็นโอกาสมากขึ้น
- โชคดีที่ได้การเลือกหุ้นที่ถูกตัว และมาหาโอกาสในการซื้อที่มีความเสี่ยงน้อย รอจนได้จังหวะที่ Risk/Reward ratio ลงมาถึงจุดที่เหมาสม โดยแบ่ง position ในการซื้อ อย่างเป็นระบบ ทำให้ได้ราคาที่ได้เปรียบพอสมควร และนี่เป็นจุดที่ทำให้เราสามารถได้กำไรจากต้นรอบ แต่ข้อจำกัดของวิธีนี้คือ เราไม่สามารถบอกได้เลยว่าอีกนานแค่ไหน มันถึงจะไป เรารู้แค่ว่าตัวนีีพื้นฐานดี อนาคตค่าการกลั่นจะเพิ่มขึ้น จุดที่เราซื้อ ถ้าเราผิดทาง เราไม่เจ็บตัวมาก แต่จะไปเมื่อไหร่ มันขึ้นอยู่กับเวลาความพร้อมต่างๆ ที่เราควบคุมไม่ได้ อย่างตัวนี้ได้ยินตั้งแต่ประมาณเดือน April หรือ May แล้วค่อยๆหาจังหวะสะสม แล้วยังโดน Shake out อีกตั้งหลายรอบ ถ้าไม่ได้พี่มี่ คอยชี้ให้เห็นถึงโอกาสของมัน ของคงหลุดมือไปนานแล้ว สรุปว่าตัวนี้ถือตั้งแต่เดือน 4 จนมาถึง เดือน 9 เพิ่งจะได้ออกดอกออกผล สร้างผลตอบแทนได้ถึง 40กว่า% หลายคนบอกว่าเมิงโชคดีจัง ถือแล้วได้ตั้ง 40 กว่า% แหน๊ะ เยอะดี คราวหน้ามีอย่างงี้บอกด้วยสิ แต่เค้าอาจจะลืมคิดไปว่า กว่า 4 เดือนที่ถือมา มันมีทั้งขึ้นและลง ย่ำอยู่กับที่บ้าง ทำให้เราไม่มั่นใจ โดยเฉพาะถ้าเราไม่ติดตามพื้นฐานของมันดีๆ โลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆและอยู่กับเรานานๆ ตอนนั้นก็มีชวนเพื่อนๆไปหลายๆคน และวันนี้เพื่อนๆก็ถามกันเข้ามาว่าทำไมวันนั้นไม่ชวนกรูหนักๆกว่านี้ว่ะ กำ กรูจะรู้ได้ยังไง กรูก็กระจายหลายๆตัวเหมือนกัน
- รอบสอง เข้าซื้ออีกครั้งตอนอยู่ในกรอบสีแดง เพราะคิดว่าแถวๆนี้เป็นแนวรับที่แข็งแรงพอสมควร อย่างมากก็คัทตรงนี้ละว่ะ แล้วมันก็พุ่งขึ้นแรงจากแถวๆต่ำ 10 บาทเป็น 11 บาท จำได้เลยว่า หลังจากวันนั้นประกาศงบออกมาขาดทุน ทำให้ราคากลับมา 10 บาทนิดๆอีกครั้ง เราก็เสียกำลังใจ ไม่ได้สติมีขายออกไปส่วนนึงเพื่อลดความเสี่ยงและความเสียว แต่บ่ายๆวันนั้นเอง ก็มีแรงซื้อกลับเยอะมากๆ โชคดีที่นั่งอยุ่หน้าจอพอดี เลยซื้อกลับส่วนที่ขายออกไปคืน เพราะมองว่ามันเป็นการลงมาเทสเส้นกด Down trend line และเส้น 200 วันที่จุดเดียวกันเลย เป็นความโชคดีที่ยังพอมีสติอยู่บ้าง ไม่บ้าไปตามราคาที่ทุบลงมาแรงๆ
- แล้วหลังจากนั้นมันก็เริ่มปรับตัวขึ้น จน Weekly เริ่มเป็นบวก มีการย่อลงมาอีกกว่า 2 สัปดาห์ ก่อนจะ shoot ตัวแรงเมื่อวันพฤหัสและวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำให้ Monthly เป็นบวกไปด้วย
.........................................................................................................................
PTG
- ตัวนี้ไปนั่งฟังผู้บริหารพูดแผนต่างๆ ฟังดูแล้วน่าสนใจ
- ไม่ได้ซื้อที่จุดล่างสุดเพราะหาจุดเข้าไม่ได้ เลยมาซื้อกลางๆทางตอน Overlap low เก่าขึ้นมา
TKN
- ซื้อตอนกลับตัวใน Buy zone สีแดง
