วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2559

Mon 31 Oct 2016

- งานวุ่นมากมาย ไม่ค่อยได้ดูพอร์ตตัวเองสักเท่าไหร่ระหว่างวัน
- แต่ก็ยังพยายามจะ update หุ้นในพอร์ต ว่ามีตัวไหนถึงเป้าไปแล้วบ้างอย่างไร ต้องออก take profit หรือ cut loss เพื่อให้เป็นไปตามระบบ

 BDMS
- ถึงเป้าแรกแล้ว ออก 1/3 ได้


 GL
-  ยังคงอยู่ใน zone สูง พอไหวๆ

NETBAY
- กลับมาอยู่เหนือ 15% บนได้หลังจากที่หลุดลงไปนอก ยังพอไหว อีกวันนึงกลับขึ้นมาได้


PS
- แถวๆนี้ cut loss เตี้ยมากๆ ไม่เจ็บตัวมาก ลุ้นๆลองดู


วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2559

Wed 26 Oct 2016 Do nothing...busy

- วันนี้วุ่นสุดๆเลยไม่ได้ปรับอะไรในพอร์ตเลย ได้ดู 3-4 ครั้งเอง

 GL
- ระหว่างวันขึ้นไป High สุดที่ Maximum extension ที่ 47.50
- ปัญหาคือเราไม่ได้ตั้งไว้ อาจเป็นเพราะไม่คิดว่ามันจะไปถึงจริงๆและก็โลภแหละ คิดว่ามันน่าจะไปต่อ


 IVL
- ถ้าหลุด 28.25 ก็คัทซะ อย่าคิดมาก แล้วกลับมาค่อยรับใหม่อีกที


 MTLS
- หลังจาก break เส้นล่างขึ้นมาและปิดสวยๆ ตามระบบควรจะไปต่อได้ แต่กลับมาปิดไม่ดี
- ถ้าปิดต่ำกว่า 18.70 ก็บ๊ายบายละกาน ไม่ต้องคิดมาก


RS
- ยังคงไปต่อได้ จนกว่าจะเจอแนวต้านที่ 8.65 ที่เคยเป็นแนวรับเก่า


วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2559

Tue 25 Oct 2016 BUY PS & RS & MTLS, Take Profit GL

- วันนี้หุ้นกองทุนมากันยกแผง
- หลายๆตัวหลังจากที่หลุด Stoploss แล้วลากกลับไปทำ higher high หรือ New high ได้เลย

 GL
- ตั้งเป้าออกที่ 43.50 ที่เป็นเป้า NTP หรือเป้าที่ 2nd
- เราไม่รู้หรอกว่ามันจะชนเป้าแล้วมันจะลงเลยหรือไปต่อ แต่ตรงนี้เป็นจุดที่ได้ take profit แล้วลด Over heat ของ Portfolio
- ตัวนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ดีมากๆในการหาจุดรับ คือรับเข้าไป 33.50 X 40,000 หุ้น และมี Stoploss ที่ 32.50 คิดเป็น 2.98% และมองเป้า 1st target แรกที่ 38.75 = 5.25 บาท (15.67% Reward) และเป้า 2nd target ที่  43.50 = 10 บาท (29.85%) และเป้าที่สาม 47.50 = 14 บาท (41.79%) หรือใช้ Trailing stop
- เคสนี้เป้าแรกไม่ได้ขาย ดูไม่ทัน แต่ก็เห็นแว๊ปๆและแอบโลภ ไม่ยอมออก เพิ่งจะได้มาออกเอาตอน 43.50 เนี่ยละ



KKP
- อีกหนึ่ง Success setup รับเข้าไปตอน 53.00 คือไม่หลุด 15% บน แล้วยืนอยู่ ยังถือว่าเป็น up trend อยู่
- ถ้าวัดเป้า Swing equality จริงๆ เป้า Dairy จะอยู่ที่ 60.25 (ซึ่งแม่งถึงแร้นนนนนน) ยังไม่ได้ออกเลย ไม่ได้ตีเป้าทิ้งไว้ระหว่างวัน เพิ่งมาเห็น
- แต่ถ้ามองคู่สวิงคู่ใหญ่ระดับ Weekly จะมีเป้า NTP ที่ 66.25
- ในเคสนี้เราอาจจะออกอีกสักจำนวนนึงที่ 60.25 ไปก่อนก็ได้
- เราไม่มีทางจะรู้ว่าหุ้นมันจะไปได้ไกลแค่ไหน อาจจะลงเลย หรือขึ้นไปต่อก็ได้ แต่สิ่งเดียวที่เราทำคือควมคุมให้เราทำตามแผนของเราและ money management


 MTLS
- อย่ารักหุ้นตัวไหนจนเกินไปและอย่าเกลียดหุ้นตัวไหนจนเกินไป ตราบเท่าที่มีสัญญาณ Buy และ Sell ตามระบบของเรา
- ตัวนี้เราเล่นมา 3-4 รอบ โดนทุกรอบ ดูจากการสวิงของมันสิ ต่อให้ overlap มาแล้วก็ยังพาลจะลากลงไปทำ lower low ให้เรา stoploss ได้ตลอด ครั้งนี้ขอตามเข้าไปอีกสักครั้ง


PS
- หุ้นที่เฮียสุดๆทุกๆ Time Frame ตั้งแต่ Monthly, Weekly และ Dairy ที่พอใครบอกว่ามีหุ้นตัวไหนให้ซื้อบ้าง แล้วตอบตัวนี้ไป แม่งแทบจะด่ากันรอบวง
- ถ้าทุกคนคิดเหมือนกันหมดแล้วใครจะทำกำไรฟร่ะ
- Month เป็นแนวรับ BB band ล่างที่แน่นพอสมควร
- Week ก็เป็นแนวรับ BB band ล่างด้วย
- Dairy ลงมาเทสตรงนี้แล้ว 3 ครั้งตั้งแต่ Dec ปีที่แล้ว
- ซื้อแถวๆ 23.30-23.40 มี stoploss แถวๆ 22.50 = 0.90 บาท (3.84% Risk) แล้วถ้าเกิดว่ามันไม่หลุดแล้วรับแถวๆนี้อยู่ละ มองตามแนวคิด Swing trade ถึงว่ามีฟ้าที่เปิดพอสมควร สามารถขึ้นไปได้เป้าแรกที่ 28 บาท กำไร 4.60 บาท (19.65%) แต่ปัญหาคือมันจะไปเมื่อไหร่กรูไม่รู้ รู้แต่ว่าแถวๆนี้ไม่เสี่ยง และคุ้มค่าการลงทุน
- เมื่อก่อนเคยคิดว่า ใครว่ะ แม่งจะซื้อ Low แล้วไปขายที่ high ได้ตลอด พอเริ่มๆมาแนวๆนี้ กลับพบว่ามันมีความเป็นไปได้ แต่ก็จะมี Disadvantages เรื่องที่เราไม่สามารถระบุเวลาได้ แต่ Time is value มีค่าเสียโอกาส อันนี้ก็สุดแล้วแต่ Mindset ของเทรดเดอร์แต่ละคนแล้วว่าอะไรเหมาะกับใคร




 RS
- ตัวนี้ซื้อแบบมึนๆ นอกระบบพอสมควร แต่ซื้อเพราะเป็นกองบัวหลวงเก็บเข้าไปเยอะ ทุนเค้าอย่างมากก็ต่ำกว่านี้อีกสักหน่อยละว่ะ เอาเป็นสัก 7 บาท แต่ทุนกู 8 บาท น่ารักน่าลุ้นดูสักหน่อย
- รับเข้าไปตอนก่อนปิดเที่ยงที่ 8.00 และ 8.05 บาท แต่มาปิดไม่เลว
- คำถามคือกรู stoploss ตรงไหนดีกว่า เอาเป็นสัก 7.60 บาทละกัน


 TKN
- ขึ้นไปเทส Maximum extension แล้ว เลยตั้งเป้าขายไปอีกไม้นึงที่ 26 บาท แม่งไปต่ออีกหลายช่องเลย


TPIPL
- ADX มีกำลังอ่อนลงเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะไปเมื่อไหร่
- ตัวนี้ถือเยอะสุดในพอร์ตเลยจับตาดูและลุ้นกับมันเยอะหน่อย


วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2559

Fri 21 Oct 2016 BUY PS

GL
- ขยับเข้าใกล้ 2nd Target ที่ 43.50 เข้าอีกหน่อย ตั้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน วันนี้ก็ยังเกือบๆใกล้ๆถึง



 MINT
- รับเข้าไปวันที่หุ้นตกหนักๆ แถวๆ Buy zone รอลุ้นให้ขึ้นไปถึงเป้าสวิงด้านบน ตามแนวต้านต่างๆ
- ภาพระดับ weekly ยังคงดูดีอยู่

 MTLS
- เริ่มมีการ overlap แบบชัดเจน น่าลุ้นเข้าไปเล่น
- หุ้นตัวนี้เล่นมา 3 รอบ โดน stoploss ไปเกือบตลอด แต่เราก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง เราควรต้องเล่นไปตามระบบที่วางไว้

PS
- วันนี้เข้ารับที่ Buy Zone แถวๆ 23.30-23.40 แต่ดันปิด Low ที่ 23.00 แหะ ไม่เป็นไร ถ้าหลุดค่อยขายทิ้ง



TPIPL
- ADX bearish เริ่มอ่อนตัวลง ขณะที่ราคาหุ้นเริ่มขยับขึ้นทีละหน่อย ดูน่าลุ้นพอสมควร


UNIQ
- เริ่มขยับขึ้นไปหาเป้าหมายทีละนิด


วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2559

Thu 20 Oct 2016 No action

- วันนี้อยู่สิงค์โปรไม่มีเน็ตใช้ทั้งวัน เพิ่งจะได้เปิดดูตอนกลับมาเมืองไทยดูตอนตลาดปิด
- ระบบที่ใช้อยู่ เป็นการมองและตัดสินใจโดยการใช้ราคาปิดเป็นเกณท์ ซึงเป็นระบบที่ตามหามานาน ไม่อยากจะเป็นทาสหรือต้องเฝ้าหน้าจอ ชีวิตมีอะไรทำมากกว่านั้น
- พยายามมองที่ตัว Risk (R) แล้วเป็นการเก็บมากกว่าจะไปยึดติดกับตัวหุ้นและกำไรหรือขาดทุน วิธีการนี้ทำให้เราไม่ยึดติดที่ตัวหุ้น คือ ไม่รักและเกลียดหุ้นตัวไหนซะเกินไป มองให้เป็นแค่สินค้าตัวหนึ่งในการ Trade ไม่ได้มองเป็นการลงทุนและหลงรักหุ้นตัวนั้นๆ

 GL
- หลังจากที่ไม่ได้ออกที่เป้าแรก พรุ่งนี้ยังไงต้องตั้งไว้ กันลืมคืนนี้ตั้ง Order ไว้เลยดีกว่า



IVL
- ตั้ง order ไว้ที่ 31.50 ตั้งแต่ตอนนี้เลย พรุ่งนี้ก็ปล่อยมันไป จะ match ก็ว่ากันไป ออกก่อน 1/3



PS
- ตั้งไว้ 23.00, 22.90, 22.80 ลงมาเรื่อยๆ 


TKN
- ถึงเป้าที่ 2 แล้ว 


TPIPL
- ยังคงมองว่าแถวๆนี้เป็น Buy zone ที่น่าเก็บเข้าพอร์ตตามสัดส่วน money management ที่พอร์ตเราจะรับได้ แถวๆนี้ มองว่าโอกาสเปิดกว้างพอสมควร

วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2559

Wed 19 Oct 2016 BUY NETBAY

- เมื่อวานเจอเพื่อนคนนึงเป็น Broker เป็นคนเก่ง ศึกษาเยอะ และมั่นใจตัวเอง ตอนกลางวันตลาดปิด เค้าบอกว่านี่ดูนี่ Tfex เป็นทรงนี้ ตลาดกำลังทำ A,b, c แล้วมันกำลังลงแล้วแน่ๆ ไม่ได้สนใจ กะว่ามานั่งคุยกับเพื่อนมากกว่า เค้าก็ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติม
- กลับเข้าออฟฟิตช่วงบ่าย เห็นตลาดยังลงต่อ ในใจยังคิดว่า เออ แม่งแม่นแหะ สงสัยกูจะต้องทยอยขายหุ้นมั่งแหะ แต่ตัวที่เราซื้อไปมันลงไปต่ำมากๆแล้วรับเข้าไป แถมหลายๆตัวมันยังไม่ถึงเป้าแรกด้วยซ้ำ ถ้านับตามระบบ ก็ยังไม่ต้องขาย สุดท้ายก็เลยปล่อยให้มัน run ไปตามระบบ ท้ายๆตลาดกลับมาปิดบวกได้หน่อยนึง
- มาวันนี้ตอนเช้าตลาดเปิดมาเขียวอ่อนๆ ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง แต่ก็ดูเหมือนจะแข็งๆ กำลังจะมีบินไปสิงค์โปร์ตอน 14:40 นั่งดูตลาดก่อนเปิดเห็น Netbay น่าจะไม่หลุด 14.70 ได้แน่ๆก็เลยเติม position เข้าไปอีกหน่อย แถวๆ 15.10, 15.20 แล้วก็ขึ้นเครื่อง ลงมาอีกที หลายตัวปิดสวยเลย GL, NETBAY, UNIQ

ADVANC
- ปีนี้ดูผลงานของกลุ่มสือสารไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่แถวนี้ใกล้จะเป็นจุดรับที่น่าสนใจอีกครั้ง
- รอรับแถวๆ 151 


 EPG
- หลังจากที่รับเข้าไปที่ 11.70 เมื่อรอบก่อน ถือมาจนใกล้จะถึงเป้าแรกที่ 14.10 แล้ว เตรียมออก


 GL
- กลั้นใจรับเข้าไปแถวๆ 32.50-34.00
- วันนี้ทะลุเป้าแรกขึ้นไปอย่างแรง จริงๆเห็นอยู่ว่าถึงแล้ว จริงๆต้องออกไป 1/3 แต่สารภาพเลยว่าแอบโลภ อยากจะถึงไปขายให้แพงๆกว่านี้ แต่อย่างว่าก็ไม่มีใครรู้ว่ามันจะขึันไปได้แค่ไหน อย่างไร จริงๆเราควรจะมี mindset ที่จะ Take 1st profit ขึ้นมาก่อน
- เป้า 1,2,3 ตามที่เขียนไป


IVL
- หลังรับเข้าไปแถวๆ 29.00 ลงไปถึง 28.50
- ใกล้ถึงเป้า 1, 2 และ 3 ตามลำดับ ขณะที่กำลังจะประกาศผล Q2 คาดว่าน่าจะกำไรดีพอสมควร



 NETBAY
- เมื่อวานมองว่าถ้าไม่หลุด 14.70 ได้น่าจะกลับไปได้ แต่ไม่คิดว่าวันนี้วันเดียวจะขึันไปแรงมากๆ
- วันนี้เลยรับเข้าไป 15.10 และ 15.20 เพราะกำลังจะขึ้นเครื่อง
- ขึ้นไปเทส previous high แล้ว อยากรู้ว่ากำไร Q2 น่าจะดีแหะ



 SAPPE
- ใกล้ถึงเป้า NTP แล้ว


TPIPL
- ADX bearish เริ่มมีกำลังน้อยลง ขณะที่ Weekly ADX ยังคงเป็นบวกอยู่
- รอบที่ผ่านมาทำให้เห็นว่าถ้าเราไม่ขายที่ 2.46 แล้วมันลงมาจะเป็นยังไง



UNIQ
- เตรียมถึงเป้าแรกละ


วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2559

Tue 18 Oct 2016

- พยายามลดความโลภและความกลัว ไม่มีใครรู้ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลงอย่างไร สิ่งที่เราทำได้อย่างเดียวและเป็นสิ่งเดียวที่เราสามารถควบคุมได้คือ Money Management พร้อมกับวินัยในการ Take profit และ Stoploss
- บอกตัวเองว่าอย่าเพิ่งคิดที่จะ Run Trend ประสบการณ์ที่ผ่านมา 4-5 เดือนสอนให้เรารู้ว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงได้เร็วมากๆพร้อมความผันผวนสูงมากๆ

NETBAY
- หลังจากที่ขึ้นไปยืนเหนือ เส้น Maximum extension ได้การลงมาเทส 14.70 แล้วไม่หลุดก็นับเป็นสัญญาณที่ดี น่าลุ้นเก็บเพิ่ม position เข้าไปพอสมควร
- ประกอบกับสัปดาห์หน้าจะหลุด cash balance ก็น่าจะมีแรงอีกเฮือกนึงได้


PRINC
- อดีตหุ้นกิ๊กเก่า ที่ขณะนี้กลับมาอยู่ใน Buy zone อีกครั้งแล้ว และอยู่ในจุดที่น่าลุ้นพอสมควร



TPAC
- ลงไปเทสใน Buy zone แล้วเด้งขึ้นมา 3-4 วันที่แล้วไม่เห็นแหะ แต่คราวนี้ถ้ามันลงมาเทสอีกรอบจะแหย่เข้าไปละ


วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2559

Mon 17 Oct 2016 BUY TPIPL & IVL

 DTAC
- แถวๆนี้น่าลุ้นพอสมควร เข้า Buy zone


GL
- ถึงเป้าแรกแล้ว ควรออก 1/3 ที่ 39 บาท ก่อน


 IVL
- ซื้อกลับเข้าไปตอน 28.50 ลุ้นว่าจะกลับไปด้านบนได้


S11
- กลับมาเข้า Buy zone อีกครั้ง


 TKN
- เตรียมขายเมื่อถึงเป้าที่ 2 ที่ 23.75


 TPAC
- จาก Buy zone เริ่มยืนอยู่ได้


TPIPL
- กลับเข้าลงมาใน Buy zone อีกครั้ง ลุ้นรับเข้าไป


VGI
- กลับเข้ามาใน Buy zone อีกครั้ง

วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2559

Sun 16 Oct 2016 Thai Quants 7M seminar

7M

1. Method: Develop a trading strategy
2. Market: Realize market analysis and market classification
3. Money: Money management
4. Measure: Backtest
5. Monitor: What/how and when to monitor / present
6. Mindset: Quants mindset
7. Machine: Proper technology


1. Method
    ต้องระบุให้ได้ว่า
Signal
- Buy condition มีอะไร, ระบุ VIP: Volume, Indicator และ Price ให้ชัดเจน
- Sell condition มีอะไร, OXOC(One Exactly Opposite Condition) เทียบกับ Buy condition
  การระบุ Sell condition ไม่ใช่การระบุ Stoploss

Position
- Position score ถ้าเข้า buy condition ทั้งหมดแล้วจะให้ซื้อตัวไหนก่อนที่มีโอกาสทำเงินได้มากที่สุด
- Position size

Simulation
- เพือป้องการการ Curve-fitting
- มองหา Slippages และ Missing trade

2. Market
Market Filter (MKF)
- ตั้งให้ Simple, easy and fast มีแค่ True or False

Market Classification (MKC)
- นิยามและแบ่งระดับของตลาดเป็นแต่ละขั้นในตลาด
- อาจจะแบ่งเป็น Down trend, Sideway และ Up trend
- หรือจะใช้ Down trend, Sideway และ Up trend มาคิดกับ Low/High Volatility เพื่อให้รู้ว่าตลาดแบบไหนที่ favour กับกลยุทธของเรา

Market Breadth
- ในวิธีคิดของ MKF และ MKC จะให้น้ำหนักกับหุ้นแต่ละตัวไม่เท่ากันตาม market cap
- แต่วิธีของ market breadth จะให้ความสำคัญแต่ละตัวเท่าๆกัน Voting count ไม่ว่า large หรือ small cap
- ยกตัวอย่างเช่น มีหุ้นอยู่กี่ตัวที่ทำ Higher high หักลบกับจำนวนหุ้นที่ทำ Lower low
หรือ มีหุ้นกี่ตัวที่อยู่เหนือ MACD บวก เกิน 15 วัน
หรือ มีจำนวนหุ้นกี่ตัวที่มี RSI week เกิน 66.67
- แต่ข้อมูลพวกนี้ต้องเอามาหาค่าเฉลี่ยหรือ smooth มันอีกที
- เราอาจจะเห็นว่า SET index อาจจะยังไม่ปรับตัวลง เพราะมีตัวใหญ่ค้ำอยู่ แต่พวกหุ้น Leader ได้ทยอยโดน stoploss ออกไปแล้ว ซึ่งก็เป็นสัญญาณที่ไม่ดี

3. Money Management

เวลาเรามอง Portfolio เราสามารถแบ่งได้เป็นดังนี้
- Risk เป็นความเสี่ยงของ Stoploss + slippage ที่เราเสี่ยงอยู่ ตลาดอาจจะขึ้นไปและมีความเสี่ยงมากขึ้น อาจจะทำให้ Portfolio overheat ได้

Dr.Elder: 2% & 6% Rules
- Maximum Risk per position "2% Position Risk" ของ Equity
พอร์ต = 1,000,000 บาท. 2% risk per position
มี stoploss = 10%
ราคาหุ้นละ 30 บาท

* 2% = 1,000,000 บาท X 2% = 20,000 บาท/position
* Risk per share = 30 บาท X 10% = 3 บาท/หุ้น
* 20,000 บาท / 3 บาท ที่ขาดทุนได้แต่ต่อหุ้น = 6,666 หุ้น
* Position value = 6,600 หุ้น X 30 บาท = 198,000 บาท
* Final Risk / position = 6,600 X 3 บาท = 19,800 บาท = 1.98% of total equity 


- 6% Risk + Losses per month: หมายความว่า maximum risk และ loss per month จะต้องไม่เกิน 6% ในแต่ละ current month เช่น ถ้าในเดือนนั้นๆ มี Risk(stoploss) = 3% และดันขาดทุน = 3% มีกฎว่าห้ามเติม new position

Risks in portfolio " Portfolio Heat"
- คือ Sum of risk from all open positin
- ส่วนมากแล้วจะอยูระหว่าง 15-25% ของ Total equity
- เมื่อเกิด Portfolio heat แล้วเราต้อง ไม่เพิ่ม open position

Dr. Van K Tharp's Equity Models
- แบ่งเป็น Total Equity, Secure Equity (Total equity - Risk) และ Cash Equity

ตัวอย่างของ Cash Equity
หุ้น XYZ ราคา 20 บาท, stoploss = 10%
2% risk per position, Equity = 1,000,000 บาท
มี Holding position ABC อยู่แล้ว 6,666 หุ้น ที่ราคา 30 บาท = 198,000 บาท

cash equity = 1,000,000 - 198,000 = 802,000 บาท
2% X 802,000 บาท = 16,040 บาท/position
Risk per share = 20 บาท X 10% stoploss = 2 บาท/share
Share = 16,040 / 2 บาท = 8,020 หุ้น/position
Position value = 8,020 หุ้น X 20 บาท = 160,400 บาท
Final Risk/position = 8,020 หุ้น X 2 บาท = 16,040 บาท หรือ 1.60% ของ Total Equity


ตัวอย่างของ Secured Equity
อยากซื้อหุ้น XYZ ที่ราคา 20 บาท, stoploss = 10%
2% Risk, 1,000,000 บาท equity
มีหุ้น ABC อยู่แล้ว 6,600 หุ้นที่ราคา 30 บาท และมี Risk = 3 บาท/หุ้น

Secure equity = Total Equity - Position Risk = 1,000,000 - (6,600 X 3 บาท) = 980,200 บาท
2% risk/position = 980,200 X 2% = 19,604 บาท/position
Risk per share = 20 บาท X 10% stoploss = 2 บาท/หุ้น
19,604 / 2 บาท = 9,802 หุ้น / position
Position value = 9,800 หุ้น X 20 บาท = 196,000 บาท
Final risk/position = 9,800 ห้น X 2 บาท = 19,600 บาท/position หรือ 1.96% of Total Equity


วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2559

Fri 14 Oct 2016 Big learing after all the highest volatility week ever

สรุปตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
วันอาทิตย์
- มีการส่งข่าวลืออัปมงคลต่อๆกันใน line group ในใจคิดว่านี่คือครั้งที่ 3 ของปีนี้แล้ว โดย 2 ครั้งแรก เราก็ไม่เชื่อข่าวหรอก แต่คนส่วนใหญ่ในตลาดดันเชื่อและขายหนักๆ ทำให้ตลาดปรับตัวรุนแรง โดยที่เราก็ไม่ทันได้ทำอะไร ส่วนใหญ่จะตัดสินใจยึกๆยักๆ ขอรอเปิดตลาดดูก่อนว่าจะเป็นยังไง แต่จากประสบการณ์ที่ไม่หลอกตัวเองพบว่า สุดท้ายดูๆไปก็ไม่กล้าและไม่ได้ขาย สุดท้ายถือทนจนมันลงไป -10%, -15%, -20% แล้วหลายๆครั้งก็ค่อยมาขาย ซึ่งมันไม่มีประโยชน์อะไร

วันจันทร์
- ตอนเช้ากระแสเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ พบว่าตามห้องไลน์มีการคุยกันหนักมากๆ มาตัดสินใจตอน 9:30 ว่าเอาว่ะ คราวนี้กูจะทำไม่เหมือนทุกครั้ง มันจะต้องตัดสินใจเด็ดขาดและที่สำคัญลงมือเด็ดขาด
- จากวันศุกร์ก่อนพอร์ตค่อยๆตีตื้นขึ้นมาได้พอสมควร และเราก้อไม่อยากจะให้ NAV ของพอร์ตลบลงไป ตัดสินใจ นั่ง key order เองตอนนั้น จากที่ถืออยู่ประมาณ 23 ตัว ค่อยๆตั้งขาย ATO ไปเกือบทุกตัวยกเว้นตัวที่ขาดสภาพคล่อง เหลืออยู่ 2-3 ตัวที่ ถ้าตั้งขาย ราคาจะลงไปเยอะมากๆ
- พอเปิดตลาดขึ้นมา มันลงไปจริงๆตามที่คิดไว้ คือ -50 จุดตอนเปิด และค่อยๆไต่ระดับขึ้นมาเรื่อยๆ จุดที่เราขาย ATO ดันกลายเป็น Low สุดของวัน ช่วงบ่ายๆคิดว่า ซวยละกรู เริ่มสับสบคิดว่าน่าจะโดนหลอก ระหว่างรอหมอตรวจท้อง Sue ตอนสี่โมงที่นวบุตร เริ่มกวาดตาดู หาหุ้นที่อยู่ในแนวรับและเห็นอยู่ 2 ตัวคือ uniq และ work (มาคิดได้ทีหลังว่า ถ้ามีปัญหาจริงๆพวกหุ้นกลุ่มที่ทำรายการน่าจะมีปัญหาเยอะมากๆ คงโดนห้ามออกรายการ) แล้วก็จัดการรับเข้าไป คิดว่าอย่างน้อยกูก็คงไม่ตกรถละว่ะ หลังจากขายลดพอร์ตไปประมาณ 65%
- นอนไม่ค่อยหลับ ตลาดยังคงมีข่าวตีออกมาเรื่อยๆ

วันอังคาร
- ตลาดเปิดมากลางๆไม่มีอะไร ตกบ่ายๆลงหนักไปอีกเกือบ 30 จุด เราเริ่มคิดว่าตัวเองคิดถูกแล้วที่ขายหุ้นออกมาก่อนหน้านี้ เขียนเหตุผลลงไปใน Trade diary ว่าทำไมถึงขาย เพื่อนหลายๆคนเริ่มเป็นกังวลและเข้ามาถามว่าเป็นยังไงบ้าง บอกว่ากรูขายไปวันจันทร์แล้ว มันบอกว่า อ้าว แล้วทำไมไม่บอกกูบ้างว่ะ เอิ่ม ตอนกูขาย มันก็เด้งขึ้นสวนกูมาเลย แล้วจะให้กูบอกมึงยังไงว่ะ

วันพุธ
- เริ่มรู้สึกว่าแนวรับต่างๆเริ่มน่าจะรับได้อยู่ และ SET ลงมาเทสที่ 1,400 จุด ตีกราฟแล้วมองว่าแถวๆนี้น่าจะรับอยู่ อย่างดีก็ลงไปเทส 1,380 ละว่ะ ทยอยรับเพิ่มระหว่างวันจนเกือบหมดช่วงปิดตลาดช่วงเช้า มีรับ TPIPL เข้าไป MINT ด้วยและอีกหลายๆตัว ในใจคิดถึงคำผู้ใหญ่สอนว่า มึงไม่มีทางรับได้ที่ Low สุดได้ตลอดหรอก มีแต่ไอ้พวกขึ้โม้กับพวกโชคดี ถ้าคิดว่ามันถูกแล้วก็ค่อยๆรับมันเข้าไปเห๊อะ
- ช่วงเปิดตลาดตอนบ่าย กำลังวัดหน้างานอยู่ แอบดูไลน์ ในใจก็แอบลุ้นว่าตลาดมันจะเด้งหรือยังว่ะ ปรากฎแม่ง pre-open ลงต่อไปเกือบ 100 จุด และเปิดตลาดมา -99 จุดจ้าาาาาา แม่งเหวอเลย มือสั่น ขนาดว่ากูขายไปก่อนหน้านี้เยอะแล้ว (มีซื้อกลับไปสัก 15-20% ของพอร์ต) ยังแอบเหวอเลย แล้วถ้าคนที่ยังไม่ได้ขายตั้งแต่ต้นจะโดนเยอะแค่ไหนว่ะ อย่างน้อยน่าจะมีโดน 15-20% ได้ละ ยิ่งถ้าตัวเล็กๆน่าจะโดนไป 30-40% เลย ยังคงทำใจแข็งคิดว่าเรารับไปบางส่วนแล้ว และงานยังคงเข้ามาต่อเลยไม่มีโอกาสได้ดูตลาด
- เสร็จงานเกือบๆสี่โมงมาเปิดดู หุ้นเด้งกลับไปจาก -99 เหลือ -30 กว่าจุด เป็นสัญญาณที่ดีมากๆ เลยซื้อกลับเพิ่มเข้าไปอีก แถม Vol 130,000 ล้านบาท สูงสุดตั้งแต่เปิดตลาดมา 41 ปี
- แต่สรุปรายย่อยยังคงเป็นผู้ซื้อสุทธิอยู่ และที่เหลือยังคงขายอยู่ ในใจยังคิดๆอยู่ว่าจะเป็นจะเป็น Climax bottom ไปแล้วหรือยัง ในฐานะที่เราเล่นกลยุทธ์เป็น Contrarian เรายังไม่ตายเท่าไหร่ คิดว่าคนส่วนใหญ่น่าจะบางตายแต่ยังไม่ตายสนิท อาจจะมีการทุบอีกสักรอบขึ้นมาได้
- นอนไม่หลับหนักกว่าเดิม เรากำลังฝืนความรู้สึกตัวเองแบบสุดๆ กำลังจะมีข่าวร้ายออกมาแต่เรากลับซื้อหุ้น แต่วิเคราะห์ไว้ว่า ตลาดได้รับข่าวร้ายไปหมดแล้ว มีใครไม่รู้บ้างว่ะ ว่าจะมีเหตุการณ์อย่างนี้ ถึงเกิดขึ้นมาจริงๆก็ไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วละว่ะ

วันพฤหัส
- ตอนสายๆตลาดบวกกลับไป 10 จุด เรามานั่งเลือกเลยว่ามีตัวไหนบ้างที่อยากซื้อ มองๆ GL, EPG, MINT ที่อยากซื้อเพิ่ม แล้วก็นั่งทยอยตั้งรับ ปรากฎว่าตอนเที่ยงๆมาดู ได้รับทุกราคาที่ตั้งไว้เลย
- มาตอนบ่ายๆ ตลาดทุบไปอีก -50 จุด สยองเลย ในใจคิดว่ากูซวย in deep shit แล้ว ทั้งพอร์ตลบไปเยอะอยู่ แต่แล้วมันก็ค่อยเหลือกลับมา -30, -20 จุด เริ่มคิดว่าเริ่มเข้าทางกรูละ เริ่มมาเติม position อีกครั้งตอน สามโมงสี่สิบ และอีกสักพักนึงตลาดกลับไป -30, -40 อีกครั้ง กรูเหวอใหม่อีกครั้ง แต่ตอนใกล้ๆสี่โมงเย็น ตลาดกลับมาเหลือ -10 และดันจะปิดบวกได้ แม่เจ้าาาาาาาาา รีบซื้อเข้าตอน call market ATC เข้าไปอีกจำนวนนึง อีกใจนึงคิดว่า หรือข่าวจะเป็นจริงหว่า ตลาดปิดได้กลับมาอย่างนี้ ในใจแอบเหวอๆกับข่าวที่จะประกาศในช่วงหนึ่งทุ่ม

วันศุกร์
- หลังตลาดปิด Tfex กลับขึ้นไปปิดอย่างโหด ขึ้นแรงมากๆ แถม MSCI Thailand ยังปิดบวกไป 2.34%
- สรุปว่าตอนเช้าเปิดมา บวกไป 50 จุด ในใจคิดว่า รอบนี้เราเริ่มทำไม่เหมือนเดิมและ action แตกต่างกันไปจากครั้งก่อนๆ เริ่มเห็นผล และมองตลาดได้ดีขึ้น เหมือนได้ Level up ขึ้นมาได้อีกระดับนึง

สรุปว่าพอร์ตตกไปจากสัปดาห์ที่แล้วตอนพีคๆ -1.90% ถือว่าพอใจโดยรวม ยังนึกไม่ออกว่าถ้าไม่ขายออกวันนั้นแล้วและไม่มีเงินเหลือมารับกลับตอนถูกๆจะเป็นยังไง


บทเรียนที่ได้จากประสบการณ์ครั้งนี้
***คิดและวิเคราะห์ให้เร็วและลงมือทำให้รวดเร็วด้วย การตั้งขาย ATO เป็นสิ่งที่ควรทำ
***มองให้ออกว่า Mass วิเคราะห์ คิดและรู้สึกอย่างไร พยายามหาช่องว่างและประโยชน์จากสิ่งนั้น
***แนวรับไม่ได้เป็นเส้น แต่เป็นโซน



BDMS
- เป็นอีกตัวที่ซื้อเข้าไปตอน 21.00 บาทแล้วมันพาลงไปทัวร์นรก แถวๆ 20.10 บาท 


EPG
- เข้ารับตรง 11.70 มองว่าเป็นแนวรับหรือโซนรับที่สำคัญ จุดซื้อแทบจะเป็นจุดขายเลยทีเดียวถ้ามันหลุด
- วันนี้กลับมาปิด 12.90 บวกไป 7.5%


GL
- มอง weekly ยังเป็น Up trend สวยๆอยู่ แต่ Daily ยังพอรับอยู่ รับเข้าไปแถวๆ 33.25 ลงไปจนถึง 32.25
- วันนี้เด้งกลับมาอย่างรุนแรง ตัวนี้มีกองทุนถืออยู่เยอะมากๆ ทั้ง Quest thai และต้นโพธ์
- บวกไป 12.50%


IVL
- ซื้อ ATC เมื่อวานได้ที่ 27.50 วันนี้กลับไปปิดแค่ 28.00 บาท ไม่เยอะเท่าไหร่ถ้าเทียบกับตัวอื่นๆ


KKP
- ตัวนี้ยังเป็นพระเอก ซื้อไปหลายวันที่แล้วที่มันไม่ปิดหลุด 52.50 แล้วถึงเวลาตลาดกลับตัว Leader is always leader จริงๆ


 MINT
- รับเข้าไปที่ Maximum extension ตรง 36.25 ถือลุ้นๆและเติมเข้าพอร์ตไปอีกตอนตลาดใกล้ๆปิด
- วันนี้บวกไป 4.70%


UNIQ
- สารภาพว่าขายทิ้งไปครึ่งนึงตอนหลุด 15.00 ลงมาเพราะมันหลุดระบบจริงๆ แต่ดันไม่ได้ซื้อกลับ เพราะยังทำใจไม่ได้ ที่จะซื้อกลับราคาแพงกว่าตอนขายไป ต้องแก้ตรงนี้ให้ได้ ถ้าจะเล่นระบบนี้



 WORK
- ตอนหลุด 33.50 ไปดันไม่ขาย และเลือกที่จะเลื่อน stoploss ลงไปอีกแถวๆ 31.75
- แต่มันดันหลุดไปจนถึง 28 บาทเลย คือเราทำผิดระบบตัวเองมากๆ น่าโดนเขกหัวจริงๆ
- เมื่อคือมีข่าวว่าจะให้เปิดสารคดีเป็นเวลา 30 วัน ทำให้กลัวว่าหุ้นพวกนี้จะโดนผลกระทบหนักๆ แต่ปรากฎว่าตอนเปิดตลาดเค้าบอกให้ถึงแค่เที่ยงคืนวันศุกร์ หุ้นมันเลยดีดกลับมา จากขาดทุน -15% กลายเป็นเท่าทุนเฉยเลย น้ำตาจิไหลพราก